Tag Archives: ตำนานกรีก

เทพเฮเฟสตัส (Hephaestus)

เฮเฟสตัส(Hephaestus) หรือ วัลแคน(Vulcan)ในตำนานเทพของโรมัน เป็นเทพในตำนานเทพเจ้ากรีกที่รู้จักกันในนามเทพเจ้าแห่งไฟ ช่างฝีมือ ช่างตีเหล็ก ช่างไม้ งานโลหะ ประติมากรรม และภูเขาไฟ เขามักจะทำงานเกี่ยวข้องกับโรงตีเหล็กและถือว่าเป็นช่างตีเหล็กของเหล่าทวยเทพ เขาเป็นหนึ่งในสิบสองเทพเจ้าแห่งโอลิมเปียน เฮเฟสตัสเป็นบุตรชายของเทพซูสและเทพีเฮร่า แต่ก็มีบางตำนานที่บอกว่าเทพีเฮร่าเป็นผู้ให้กำเนิดเองแต่เพียงผู้เดียว มีพี่น้องร่วมสายเลือด 3 องค์ อาเรส ฮีบี และไอไลธีเอีย สัญลักษณ์ของเฮเฟสตัสคือค้อนของช่างตีเหล็ก ทั่งตีเหล็ก และคีมคู่หนึ่ง สิ่งเหล่านี้ไม่เพียงแสดงถึงบทบาทของเขาในฐานะช่างตีเหล็ก แต่ยังเป็นสัญลักษณ์ของการสร้างสรรค์และการเปลี่ยนแปลงอีกด้วย

กล่าวกันว่าเทพเฮเฟสตัสมีร่างกายอ่อนแอและมีรูปร่างผิดปกติ ซึ่งทำให้เทพีเฮร่าต้องโยนเขาลงจากภูเขาโอลิมปัส บางตำนานเขาถูกลงโดยแม่ของเขาคือเทพีเฮร่าทำให้ล้มแล้วหล่นลงลงทำให้ร่างกายเขาพิการ การล้มครั้งนี้มักถูกอ้างว่าเป็นสาเหตุของอาการง่อยของเขา โดยอาการบาดเจ็บอาจทำให้อาการของเขาแย่ลง เขาล้มลงหนึ่งวันทั้งคืนก่อนที่จะตกลงสู่ทะเล ซึ่งเขาได้รับการช่วยเหลือจาก Thetis และ Eurynome ซึ่งเลี้ยงดูเขาไว้ในถ้ำ เพื่อเป็นการขอบคุณสำหรับความเมตตาของพวกเขา ต่อมาเทพเฮเฟสตัสจึงได้สร้างสรรค์ของขวัญมากมายให้พวกเขาทั้งสอง

แม้จะมีความท้าทายทางกายภาพเทพเฮเฟสตัสก็สามารถเป็นช่างฝีมือที่ประสบความสำเร็จ เพราะเขาประดิษฐ์สิ่งของที่น่าทึ่งมากมายสำหรับเหล่าทวยเทพแห่งโอลิมปัสรวมถึงสายฟ้าของซูส เอจิสแห่งเอเธน่า รถม้าของเฮลิออส โซ่ล่ามโพรมิทีอุส ธนูของอะพอลโล่และอาเทมิส และอาวุธและชุดเกราะศักดิ์สิทธิ์อื่นๆอีกมากมาย แต่ผลงานที่โด่งดังที่สุดชิ้นหนึ่งของเขาคือ แพนโดร่าผู้หญิงคนแรกที่เขาสร้างขึ้นเพื่อเป็นการลงโทษมนุษยชาติ เฮเฟสตัสมีโรงตีเหล็กและโรงปฏิบัติงานอันงดงาม ตั้งอยู่ใต้ภูเขาโอลิมปัสหรือบนเกาะเลมนอส(Lemnos) ในโรงงานของเขาได้ผลิตไอเท็มที่ทรงพลังและประณีต รวมถึงอาวุธ ชุดเกราะ และสิ่งประดิษฐ์ อื่นๆ สำหรับเทพเจ้า โดยมีลูกมือในโรงปฏิบัติงานคือเหล่ายักษ์ไซคลอปส์(Cyclops) ยักษ์ที่มีลูกตาไฟซึ่งเป็นบุตรของเทพอูรานอสและเทพีไกอา

เทพเฮเฟสตัสแต่งงานกับเทพีอะโฟรไดทิ(Aphrodite) เทพีแห่งความงามและความรัก การจับคู่ของทั้งคู่ดูไม่เขากันเพราะเทพซูสเป็นผู้จับคู่ให้ทั้งสอง เพื่อป้องกันความขัดแย้งของหล่าวทวยเทพเรื่องต้องการที่จะเป็นคู่ครองของเทพีอะโฟรไดทิ เรื่องเล่าที่โด่งดังที่สุดเรื่องหนึ่งของเทพเฮเฟสตัสเกี่ยวข้องกับการนอกใจของภรรยาเขา เทพีอะโฟรไดทิกับเทพอาเรส ตัวเทพเฮเฟสตัสเองพอรู้ระแคะระคายมาสักพักแล้วแต่ยังหาหลักฐานคาหนังคาเขาไม่ได้ เมื่อวันนึ่งเทพเฮลิออส(Helios)แจ้งข่าวการนอกใจให้เขาทราบ เพื่อทำการแก้แค้นเทพเฮเฟสตัสได้สร้างตาข่ายอย่างดีที่ไม่มีวันแตกหักและติดกับดักของคู่รัก จากนั้นเขาก็ลากอวนไปที่ภูเขาโอลิมปัสเพื่อเห็นพวกเขานอนอยู่บนเตียง เทพเฮเฟสตัสได้หว่านแหจับทั้งคู่แล้วลากทั้งสองออกจากเตียงเพื่อไปประจานต่อหน้าเทพองค์อื่น พระองค์ทำเช่นนี้เพื่อให้พวกเขาถูกหัวเราะเยาะและเยาะเย้ย ความอับอายในที่สาธารณะของอะโพรไดทิและอาเรสกลายเป็นตัวตลกขบขันสำหรับเหล่าทวยเทพ การแต่งงานของเทพเฮเฟสตัสกับเทพีอะโฟรไดทินั้นไม่ได้มีลูกด้วยกัน แต่กล่าวกันว่าเทพเฮเฟสตัสก็มีคู่รักที่เป็นมนุษย์และเป็นเทพจำนวนมากและยังมีลูกๆอีกจำนวนหนึ่ง

เทพเฮเฟสตัสมีบทบาทสำคัญในลำดับชั้นของเทพนิยายกรีก และคุณลักษณะของเขาเป็นสัญลักษณะของเทพองค์สำคัญของงานฝีมือ งานเหล็ก และเทคโนโลยีต่างๆในสังคมกรีกโบราณ

เทพซูส(Zeus)

      ซูส(Zeus)หรือในโรมันเรียกว่าจูปิเตอร์(Jupiter) เทพเจ้าแห่งท้องฟ้าและสายฟ้า ผู้ปกป้องเหล่าเทพและเทือกเขาโอลิมปัส(Olympus) พ่อของเหล่าเทพและมนุษย์ ซูสมักจะถูกพรรณนาในรูปร่างของชายชรามีเคราถือสายฟ้า สัญญาลักษณ์ของซูสประกอบไปด้วย นกอินทรีย์ ต้นโอ๊ค วัว คทา และตาชั่ง

          ซูสเป็นลูกชายคนเล็กสุดของไททันนามโครนอสและรีอา เนื่องด้วยคำสาปของโครนอสที่ว่าจะถูกโค้นล้มอำนาจจากลูกของตัวเอง เมื่อรีอาเกิดลูกมาเมื่อไหร่โคนอสจะมากลืนลูกๆลงท้องคนแล้วคนเล่า จนกระทั่งมาถึงซูสรีอาได้ตัดสินใจที่จะช่วยลูกของนางให้มีชีวิตรอด เมื่อคลอดซูสนางได้นำซูสไปส่งให้ไกอาผู้เป็นมารดา และเอาผ้าห่อก้อนหินให้โครนัสที่ไม่ทันมองก็กินก้อนหินที่นึกว่าเป็นลูกลงท้องไป ซูสถูกนำไปเลี้ยงดูที่ถ้ำบนเกาะครีต โดยมีนิมฟ์(Nymph)ในตำนานเทพเจ้ากรีกคือนางไม้ที่นั่นมีแพะตัวเมี่ยนาม แอมันเทีย(Amalthaea) กับนางมีลิสสา(Mellissa) และได้รับการปกป้องจากกลุ่ม Curetes(นักรบหนุ่ม)เพื่ออำพรางเสียซูสเติบเติมจนเป็นผู้ใหญ่ เมือซูลเติบโตเป็นใหญ่ถึงเวลาที่จะทำศึกได้แล้ว เขาได้นำการจลาจลต่อเหล้าไททันทั้งหลาย โดยรีอาได้หลอกให้โครนอสกินยาสำรอกบุตรที่เคยกลืนไปออกมา โดยเทพเจ้าที่ถูกกลืนไปยังไม่ตายแถมยังโตเป็นผู้ใหญ่หมดแล้ว แล้วก็ได้ร่วมมือกันโค่นอำนาจโครนัสลงด้วยการช่วยกันของพี่ๆ คือ ฮาเดสและโพไซดอน

         เมื่อซูสทำสงครามเสร็จได้รบชนะ และได้ช่วยพี่ๆออกมาได้ ซูสก็ได้ตั้งตัวขึ้นเป็นราชาแห่งเทพเจ้าทั้งปวง ขึ้นครองบัลลังก์บนยอดเขาโอลิมปัส

 

ตำนานจุดเริ่มต้นของเทพเจ้าอารยธรรมกรีก

          ตามความเชื่อของชาวกรีกโบราณในบรรพกาลก่อนมีเทพชูสแห่งเทือกเขาโอลิมปัส จักรวาลนั้นว่างเปล่าเวิ้งว้าง มองไปไหนก็มีแต่ความมืดมนไม่มีที่สิ้นสุด ตามความเชื่อเทพเจ้าไม่ได้สร้าง่จักรวาลแต่จักรวาลสร้างทวยเทพขึ้นมาทีละองค์ ณ ที่นั้นได้กำเนิดเทพเคออส (Chaos) จากความว่างเปล่า เคออสถือเป็นเทพองค์แรก ซึ่งมีชายานามนิกช์ (Nyx) มีบุตรด้วยกันนาม เอรีบัส (Erebus) ด้วยความที่เอรีบัส (Erebus) ซึ่งเป็นเทพแห่งความมืดอยากมีอำนาจจึงขับไรเคออสไปเพื่อขึ้นครองอำนาจเอง แล้วยกนิกช์ผู้เป็นมารดาของตัวเป็นชายา ทั้งสองให้กำเนิดบุตรและธิดาสององค์ คือ อีเธอร์ (Aether) เทวีแห่งแสงสว่าง และเฮเมอร่า (Hemera) เทพแห่งกลางวัน หลังจากนั้นทั้งสองก็ได้เจริญรอยตามโดยการขับไล่บิดามารดาของทั้งสองออกไปและขึ้นครองอำนาจแทน เมื่อพิภพ หรือ ไกอา (Gaia) เทพีแห่งโลกได้กำเนิดขึ้น และหลังไกอาก็ได้ให้กำเนิดอูเรนัส (Uranus) เทพเจ้าแห่งท้องฟ้าและสวรรค์ เมื่อแห่งโลกและสวรรค์มาเจอกัน เมื่อทั้งคู่ใช้อำนาจก็ทำการขับไล่อีเธอร์และเฮเมอร่าผู้ให้กำเนิดออกไป ทั้งสองก็ได้สร้างกายจากธรรมชาติมาเป็นบุคคลแล้วก็ได้แต่งงานกัน ทั้งสองอาศัยอยู่ ณ เทือกเขาโอลิมปัสอย่างมีความสุข

          ทั้งคู่ใช้ชีวิตอย่างมีความสุขทั้งสองได้ให้กำเนิดลูกเรียกว่า ไททัน(Titans) มีลูกด้วยกัน 12 คนเป็นชาย 6คน และเป็นหญิง 6 คน คือ โอเชียนัส(Oceanus), โคไออัส(Coeus), ไครอัส(Crius),     ไฮเพอเรียน(Hyperion), ไออาพีทัส(Iapetus), ไธอา(Theia), รีอา(Rhea), ธีมิส(Themis), นีโมซินี(Mnemosyn), ฟีบี(Phoebe), ธีทิส(Tethys), และโครนอส(Cronus) ยิ่งนานวันเหล่าลูกๆไททันเริ่มเติบโตขึ้น และใหญ่โตกันทุกคน ทำให้อูเรนัสเริ่มหวันเกรงกลัวจะมีประวัติศาสตร์ซ้ำรอย จึงได้จับเหล่าลูกๆไททันของตนนำลงไปขังไว้ในทาทารัส(Tartatrus) จากนั้นไกอาก็ได้ให้กำเนิดได้ลูกมาอีก ได้แก่ ไซครอบ(cyclopes)ซึ่งมีลูกตาอันเดียวอยู่ตรงกลางทั้งหมด3ตนนามว่า บรอนทีส(brontes), เทอโรฟี(Steropes), และอาร์จีส(Arges) แล้วยังได้ให้กำเนิด ยักษ์ที่มีห้าสิบหัวมีแขนหนึ่งร้อยแขน(Hecatocheies the Hunderd-Handers) สามตน ได้แก่ คอตทัส(Cottus), เบรียรูส(Briareus), และไกจีส(Gyges) แล้วทั้งหมดก็ถูกโยนลงไปในทาทารัสอีกเช่นกัน

          ไกอาโกรธแค้นที่อูเรนัสที่ได้ทำการขังลูกๆของเธอไว้ในใต้พิภพหรือทาทารัส(Tartarus) จึงยุยงให้ลูกๆทำการโค่นบัลลังของพ่อแต่ไม่มีลูกคนไหนกล้าก่อกบฏยกเว้นโครนอสที่กล้าเสนอตัว ภายใต้การนำของโครนอสได้ทำการโค่นล้มยูเรนัสเป็นการสำเร็จจึงได้สถาปนาตัวเองเป็นผู้นำ อูรานอสที่ใกล้จะดับสูญรู้สึกเจ็บแค้นเป็นอย่างมากที่โดนโค่นล้มจากลูกของตัวเอง จึงได้สาปโครนอสให้ถูกสังหารโดยลูกๆ ของโครนอสเอง เช่นเดียวกับที่ทำไว้กับอูรานอส หลังจากที่โครนอสได้เอาชนะยูรานอสได้ก็ได้ช่วยเหลือพี่ๆ และน้องๆ ของตน ขึ้นมาจากทาทารัส ทุกคนได้ซาบซึ่งกับสิ่งที่โครนอสทำจึงได้ยกให้โครนอสเป็นใหญ่ที่สุด และปกครองเทือกเขาโอลิมปัส หลังจากโค่นล้มบิดาของตนโครนอสก็ได้แต่งงานกับพี่สาวตัวเองนามว่ารีอา แต่เมื่อไหร่ที่รีอาตั้งครรภ์แล้วคลอดลูกเพราะกลัวคำสาปของอูเรสัสผู้เป็นพ่อ ลูกคนแล้วคนเล่าโครนอสก็ได้ทำการกลืนลงท้องเข้าไปหมด จนกระทั่งมาถึงซูส   รีอาแอบใส่ก้อนหินเข้าไปในห่อผ้าแทนซูสก่อนที่โครนอสจะมากลืนลูกเข้าไปแบบไม่ทันมอง ทำให้ซูสรอดมาจนถึงศึกโค่นล้มโครนอสและได้ปล่อยพี่ๆของตนได้แก่ เฮสเทีย(Hestia), ดีมีเทอร์(Demeter), เฮร่า(Hera), ฮาเดส(Hades), โพไซดอน(Poseidon) ออกมาจากท้องของโครนอส เมื่อชนะสงครามแล้วก็สถาปนาตัวเองเป็นเทพเจ้าผู้ปกครองสวรรค์ เทือกเขาโอลิมปัส และเหล่าทวยเทพ