ซูสกับนางไอโอ

 

นางไอโอ(Io)ในเทพปกรณัมกรีกเป็นบุตรสาวของอินาชู(Inachus) เทพเจ้าแห่งแม่น้ำของเมืองอากอส(Argos)และโอเชียนิดเมเลีย นักบวชหญิงแห่งอาร์กอส(Argos)เพื่อรับใช้เทพีเฮร่า ซูสมองได้ตกหลุมรักกับความงดงามของนางไอโอและอยากได้นางมาครอบครอง นางไอโอพยายามหลีกเลี่ยงความรักของซูสตลอดเวลา แต่ด้วยความสามารถในการเกี้ยวพาราสีของซูสในที่สุดนางไอโอก็ได้ใจอ่อนและยอมเป็นของซูส

เพื่อไม่ให้เฮร่าสังเกตเห็นซูสเลยพยายามซ่อนนางไอโอด้วยการสร้างเมฆหมอกหนาทึบไร้ซึ่งแสงสว่างครอบผืนภพิภพที่ซูสและนางไอโอพำนักอยู่ด้วยกันทำให้ไม่มีใครสามารถมองเห็นด้านในหมอกนั้นได้ เฮร่ามองเห็นในความผิดปกติ และเกิดความสงสัยจึงลงไปตรวจสอบแล้วด้วยกันสลายหมอกออกไป แต่ซูสเตรียมวิธีป้องกันไว้แล้ว

เมื่อม่านหมอกได้จากไปเฮราได้เห็นซูดยืนอยู่กับวัวสาวสีขาว ซูสได้เสกร่างสาวไอโอให้กลายเป็นวัวเผือกสีขาวใสเพื่อหลอกเฮร่า เฮราเห็นอุบายของสามีแต่จับได้นางเลยแกล้งอ้อนวอนขอซูสให้วัวสาวให้นางเป็นของขวัญ ซูสไม่กล้าปฏิเสธเทพีเฮร่าได้จึงตัดใจยกวัวสาวให้กับเทพีเฮร่าไปด้วยความเสียดาย

เฮร่าจึงนำวัวสาวที่ได้รับเป็นของขวัญจากซูสแล้วนำตัววัวสาวไปอยู่ภายใต้การดูแลของยักษ์ร้อยตา Argus Panoptes ซึ่งเป็นยักษ์ที่ระแวดระวังตัวสูงมาก นอกจากนี้ยังไม่หลับไม่นอนอีกด้วย ทำให้แทบที่จะเป็นไม่ได้เลยที่นางไอโอจะหลบหนี้ได้พ้น เพื่อที่จะปลดปล่อยนางไอโอซูสจึงส่งเฮอร์เมส(Hermes)เทพส่งสาร ไปขับกล่อมให้อาร์กัสหลับไหลด้วยการขับกล่อมดนตรีให้อาร์กัสฟังจนหลับไปและจัดการฆ่าให้ตาย เมื่ออาร์กัสตายนางไอโอก็สามารถหลับหนีจากการควบคุมได้

อย่างไรก็ตามความหึงหวงทำให้เฮร่ามุ่งมั่นที่จะทรมานนางไอโอ นางสาปให้นางไอโอให้มีแมลงต่อมาต่อยนางอย่างไม่ลดละ เป็นการทรมานวัวสาวอย่างมากทำให้นางไอโอในร่างวัวสาวต้องเร่ร่อนไปทั่วดินแดนด้วยความปวดร้าว นางจึงเดินทางข้ามภูมิภาคต่างๆอย่างทุกข์ทรมาน นางวิ่งผ่านทะเลทำให้ทะเลนั้นถูกเรียกว่าทะเลไอโอเนียน และยังรวมไปถึงช่องแคบบอสพอรัส(Bosporus)ซึ่งแปลว่า ทางผ่านของวัว จนกระทั่งเดินทางมาถึงอียิปต์

เมื่อเดินทางมาถึงอียิปต์ซูสได้ฟื้นฟูนางไอโอให้กลับคืนสู่ร่างมนุษย์ และนางได้ให้กำเนิดบุตรชายชื่อเอปาฟัส(Epaphus) เมื่อเรื่องราวทั้งหมดจบลงนางไอโอได้แต่งงานกับราชาเทเลนุสและใช้ชีวิตอย่างมีความสุข

เทพีดีมีเทอร์

 

ดีมีเทอร์(Demeter) หรือ เซเรส(Ceres)เทพเจ้าในความเชื่อของโรมัน ได้รับขนานนามว่าเทพีแห่งเกษตรกรรม ความอุดมสมบูรณ์ และการเก็บเกี่ยว นอกจากนี้ยังเกี่ยวข้องกับวงจรชีวิต การเติบโตและฤดูกาลอีกด้วย ในตำนานเทพเจ้ากรีกดีมีเทอร์เป็นบุตรสาวของไททันโครนัสและรีอา เป็นพี่สาวของซูส ฮาเดส โพไซดอน เฮร่า และเฮสเทีย

เทพีดีมีเทอร์มันจะถูกพรรณนาว่าเป็นหญิงสาวที่เป็นผู้ใหญ่ บางครั้งก็สวมมงกุฎด้วยรวงข้าวหรือถือฟ่อนข้าวสาลีไว้ในมือ เทพีดีมีเทอร์ยังเกี่ยวข้องกับความอุดมสมบูรณ์ซึงนางเป็นสัญลักษณ์ของความอุดมสมบูรณ์ การบูชาดีมีเทอร์แพร่หลายในสมัยกรีกโดยเฉพาะอย่างยิ่งในชุมชนเกษตรกรรมที่ผู้คนอาศัยความอุดมสมบูรณ์ของผืนดิน มีเทศกาลจัดขึ้นเพื่อเทพีดีมีเทอร์และลูกสาวของนาง

ตำนานที่โด่งดังที่สุดเกี่ยวกับเทพีดีมีเทอร์ เกี่ยวข้องกับการลักพาตัวลูกสาวของนางนามว่า เพอร์เซโฟเน่(Persephone)โดยเทพฮาเดส(Hades)เทพเจ้าแห่งยมโลก เทพีดีมีเทอร์ตามหาลูกสาวของนางไปทั่วทุกดินแดนแต่ก็ไม่พบ ด้วยความโศกเศร้าของนางทำให้โลกสิ่งมีชีวิตเริ่มหยุดการเจริญเติบโตและตาย โลกอาจต้องเผชิญกับการสูญพันธุ์ของสิ่งมีชีวิต ซูสได้ส่งเทพเฮอร์เมส(Hermes)ไปยังยมโลกเพื่อให้ฮาเดสส่งตัวเพอร์เซโฟเน่กลับมา ฮาเดสตกลงที่จะปล่อยนางหากนางไม่ได้กินอะไรเลยในขณะที่อยู่ในยมโลก แต่เพอร์เซโฟเน่ได้กินเมล็ดทับทิมจำนวนเล็กน้อยทำให้นางไม่สามารถแยกออกจากยมโลกได้ ในที่สุดได้มีการประนีประนอมให้เพอร์เซโฟเน่ได้ใช้เวลาส่วนหนึ่งกับเทพีดีมีเทอร์ผู้เป็นมารดาซึ่งทำให้ฤดูกาลบนโลกเป็นฤดูใบไม้ผลิพืชพันธุ์งอกงามและฤดูร้อน เมื่อเฟอร์เซโฟเน่กลับมายังยมโลกเทพีดีมีเทอร์ก็คร่ำครวญถึงลูกสาวจึงทำให้เกิดฤดูหนาว

เช่นเดียวกับเทพเจ้าของโอลิมเปียดีมีเทอร์เป็นอมตะและทรงพลังมาก เธอเป็นผู้ควบคุมการเก็บเกี่ยวและการปลูกธัญพืช เทพีดีมีเทอร์สามารถทำให้พืชเติบโต หรือไม่เติบโตได้ และควบคุมสภาพฤดูกาล นอกจากนี้ยังสามารถควบคุณสภาพอากาศและทำให้ผู้คนหิวโหยได้

เทพโพไซดอน

โพไซดอน(Poseidon) หรือ เนปจูน(Neptune)

เทพเจ้าในความเชื่อของชาวโรมัน เป็นเทพเจ้าแห่งท้องทะเล แผ่นดินไหว และม้า โพไซดอนเป็นผู้พิทักษ์ของนักเดินทางเรือ ผู้พิทักษ์เมืองและอาณานิคมของกรีกหลายแห่ง โพไซดอนคือหนึ่งในเทพเจ้าที่มีอำนาจของโอลิมปัสพร้อมด้วยซูสและฮาเดส โพไซดอนเป็นบุตรของไททันโครนอสและรีอาเช่นเดียวกับพี่น้องคนอื่นๆถูกโครนัสผู้เป็นพ่อกลืนเข้าไปในท้องตั้งแต่เกิด

เมื่อออกมาจากท้องของโครนอสบิดาของตน โพไซดอนก็ช่วยซูสผู้เป็นน้องชายโค่นล้มอำนาจของบิดาตนจนได้รับชัยชนะ เมื่อสงครามสงบและเทพทุกองค์มั่นคงแล้ว ซูสก็ได้แบ่งอำจานให้พี่ๆ ในส่วนของโพไซดอสนั้นได้รับให้ดูแลทะเลเมดิเตอร์เรเนียนและแห่งน้ำทุกแห่ง โดยอำนาจดังกล่าวถูกแบ่งมาจากไททันโอเชียชัสผู้ดูแลท้องน้ำทั้งหมด ซูสจริงแบ่งอำนาจส่วนหนึ่งให้กับโพไซดอน ได้แก่ทะเลเมดิเตอร์เลเนียน ทะเลดำ และแม่น้ำต่างๆ บนแผ่นดิน อยู่ในอำนาจการดูแลของโพไซดอนทั้งไม่ ไม่ว่าเทพ เทพี นางอัปสรแห่งท้องทะเล สัตว์และอสุรกาย ให้ความเคารพยำเกรงโพไซดอนทั้งหมด

โพไซดอนมักจะถูกพรรณนาเป็นชายมีหนวดเคราในมือถือตรีศูส นอกจากนี้ยังเป็นที่รู้จักกันว่า อารมณ์แปรปรวนและเรื่องราวมากมายในตำนานเทพเจ้ากรีกเกี่ยวข้องกับความโกรธเกรี้ยวและความพยาบาท ในฐานะเทพเจ้าแห่งท้องทะเลโพไซดอนมักจะได้รับการบูชาจากกะลาสี ชาวประมงและคนอื่นๆ ที่อาศัยท้องทะเลในการดำรงชีวิต โพไซดอนยังได้รับความเคารพในฐานะผู้สร้างม้าและพิทักษ์ของม้า

โพไซดอนแต่งงานกับนางแอมฟิไทรติ(Amphitrite) นางเป็นหนึ่งในนางอัปสรแห่งเนเรอิด บุตรสาวของเนรีอุส(Nereus)และโดริส(Doris) เนรีอุสต้องการยกแอมพิไทรติเป็นมเหสีของโพไซดอน แต่นางไม่ยินยอมจึงได้หนีจากบ้านมาอยู่ที่ภูเขาแอตลาส(Atlas mountains) โพไซดอนส่งเหล่าบริวารไปค้นหานางแอมฟิไทรติ ในที่สุดก็มีโ่ลมาตัวหนึ่งนามเดลฟินัส(Delphinus)ไปเจอนางเข้าจึงหว่านล้อมนานา ทำให้นางใจอ่อนยอมกลับไปแต่งงานกับโพไซดอน

เทพีเฮร่า

 

          เทพีเฮร่า(Hera) หรือจูโน่(Juno)ในโรมัน ในตำนานกรีกเฮร่าคือราชินีของเทพแห่งโอลิมปัสและยอดเขาโอลิมปัส เป็นเทพีแห่งการแต่งงาน, ผู้หญิง, ครอบครัว, และเทพีแห่งการคลอดลูก เฮร่าเป็นทั้งพี่สาว และภรรยาของเทพเจ้าซูส และเป็นลูกสาวของไททันโคนอสและรีอา ถูกโครนอสผู้เป็นพ่อกลืนลงไปในท้องเหมือนเหล่าพี่ๆของนาง

          ในบรรดาพี่น้องทั้งหมด เฮร่ามีความงดงามที่สุด ซูสหลงรักนางตั้งแต่แรกเจอ ซูสพยายามตามอ้อนวอนขอให้เฮร่าแต่งงานกับเขาถึง 300 ปี แต่เฮร่าก็ไม่ใจอ่อนให้กับความพยายามของซูส ซูสจึงสร้างอุบายหลอกเฮร่า ด้วยกันแปลงกายเป็นนกกาเหว่าที่บาดเจ็บ เฮร่าได้ช่วยเหลือนกกาเหว่าตัวนั้นและดูแลอย่างดีแล้วซูสที่แปลงกายเป็นนกกาเหว่าก็ปรากฎตัวขึ้น ทำให้เฮร่าจำต้องแต่งงานกับซูส

           ลักษณะเด่นของนางคือ ขี้หึงและพยาบาทคนที่ทำให้เธอไม่พอใจ โดยเฉพาะเหล่าๆเมียน้อยของซูสและลูกๆของพวกนางไม่ว่าพวกนางจะเต็มใจหรือไม่เต็มใจเป็นเมียของซูสก็ตาม ภาพลักษณ์ของเฮร่ามักจะแสดงให้พระนางดูสง่างามผ่าเผย สวมมงกุฎบางครั้งก็สวมผ้าคลุมเหมือนผู้หญิงที่แต่งงานแล้ว สัตว์ประจำตัวนาง ได้แก่ วัว นกกาเหว่า และนกยูง บางครั้งก็จะถือผลทับทิมซึ่งเป็นสัญลักษณ์แห่งความอมตะ

           เฮร่าเป็นเทพีแห่งการแต่งงานและการคลอดบุตร และตำนานส่วนใหญ่ของนางคือการแต่งงานกับซูสน้องชายของนาง แต่ซูสก็นอกใจนางไปมีลูกกับเทพธิดาและมนุษย์ เฮร่าซึ่งเป็นคนขี้หึงอยู่แล้วก็ตามไปรุกรานพวกนางและลูกๆ ของพวกนาง เฮร่านางมีลูกกับซูสได้แก่ แอเรส(Ares), อิเลเทีย(Eileithyia), ฮีบี(Hebe), เฮเพสตุส(Hephaestus), อีริส(Eris)

เทพซูส

      ซูส(Zeus)หรือในโรมันเรียกว่าจูปิเตอร์(Jupiter) เทพเจ้าแห่งท้องฟ้าและสายฟ้า ผู้ปกป้องเหล่าเทพและเทือกเขาโอลิมปัส(Olympus) พ่อของเหล่าเทพและมนุษย์ ซูสมักจะถูกพรรณนาในรูปร่างของชายชรามีเคราถือสายฟ้า สัญญาลักษณ์ของซูสประกอบไปด้วย นกอินทรีย์ ต้นโอ๊ค วัว คทา และตาชั่ง

          ซูสเป็นลูกชายคนเล็กสุดของไททันนามโครนอสและรีอา เนื่องด้วยคำสาปของโครนอสที่ว่าจะถูกโค้นล้มอำนาจจากลูกของตัวเอง เมื่อรีอาเกิดลูกมาเมื่อไหร่โคนอสจะมากลืนลูกๆลงท้องคนแล้วคนเล่า จนกระทั่งมาถึงซูสรีอาได้ตัดสินใจที่จะช่วยลูกของนางให้มีชีวิตรอด เมื่อคลอดซูสนางได้นำซูสไปส่งให้ไกอาผู้เป็นมารดา และเอาผ้าห่อก้อนหินให้โครนัสที่ไม่ทันมองก็กินก้อนหินที่นึกว่าเป็นลูกลงท้องไป ซูสถูกนำไปเลี้ยงดูที่ถ้ำบนเกาะครีต โดยมีนิมฟ์(Nymph)ในตำนานเทพเจ้ากรีกคือนางไม้ที่นั่นมีแพะตัวเมี่ยนาม แอมันเทีย(Amalthaea) กับนางมีลิสสา(Mellissa) และได้รับการปกป้องจากกลุ่ม Curetes(นักรบหนุ่ม)เพื่ออำพรางเสียซูสเติบเติมจนเป็นผู้ใหญ่ เมือซูลเติบโตเป็นใหญ่ถึงเวลาที่จะทำศึกได้แล้ว เขาได้นำการจลาจลต่อเหล้าไททันทั้งหลาย โดยรีอาได้หลอกให้โครนอสกินยาสำรอกบุตรที่เคยกลืนไปออกมา โดยเทพเจ้าที่ถูกกลืนไปยังไม่ตายแถมยังโตเป็นผู้ใหญ่หมดแล้ว แล้วก็ได้ร่วมมือกันโค่นอำนาจโครนัสลงด้วยการช่วยกันของพี่ๆ คือ ฮาเดสและโพไซดอน

         เมื่อซูสทำสงครามเสร็จได้รบชนะ และได้ช่วยพี่ๆออกมาได้ ซูสก็ได้ตั้งตัวขึ้นเป็นราชาแห่งเทพเจ้าทั้งปวง ขึ้นครองบัลลังก์บนยอดเขาโอลิมปัส

 

ตำนานจุดเริ่มต้นของเทพเจ้าอารยธรรมกรีก

          ตามความเชื่อของชาวกรีกโบราณในบรรพกาลก่อนมีเทพชูสแห่งเทือกเขาโอลิมปัส จักรวาลนั้นว่างเปล่าเวิ้งว้าง มองไปไหนก็มีแต่ความมืดมนไม่มีที่สิ้นสุด ตามความเชื่อเทพเจ้าไม่ได้สร้าง่จักรวาลแต่จักรวาลสร้างทวยเทพขึ้นมาทีละองค์ ณ ที่นั้นได้กำเนิดเทพเคออส (Chaos) จากความว่างเปล่า เคออสถือเป็นเทพองค์แรก ซึ่งมีชายานามนิกช์ (Nyx) มีบุตรด้วยกันนาม เอรีบัส (Erebus) ด้วยความที่เอรีบัส (Erebus) ซึ่งเป็นเทพแห่งความมืดอยากมีอำนาจจึงขับไรเคออสไปเพื่อขึ้นครองอำนาจเอง แล้วยกนิกช์ผู้เป็นมารดาของตัวเป็นชายา ทั้งสองให้กำเนิดบุตรและธิดาสององค์ คือ อีเธอร์ (Aether) เทวีแห่งแสงสว่าง และเฮเมอร่า (Hemera) เทพแห่งกลางวัน หลังจากนั้นทั้งสองก็ได้เจริญรอยตามโดยการขับไล่บิดามารดาของทั้งสองออกไปและขึ้นครองอำนาจแทน เมื่อพิภพ หรือ ไกอา (Gaia) เทพีแห่งโลกได้กำเนิดขึ้น และหลังไกอาก็ได้ให้กำเนิดอูเรนัส (Uranus) เทพเจ้าแห่งท้องฟ้าและสวรรค์ เมื่อแห่งโลกและสวรรค์มาเจอกัน เมื่อทั้งคู่ใช้อำนาจก็ทำการขับไล่อีเธอร์และเฮเมอร่าผู้ให้กำเนิดออกไป ทั้งสองก็ได้สร้างกายจากธรรมชาติมาเป็นบุคคลแล้วก็ได้แต่งงานกัน ทั้งสองอาศัยอยู่ ณ เทือกเขาโอลิมปัสอย่างมีความสุข

          ทั้งคู่ใช้ชีวิตอย่างมีความสุขทั้งสองได้ให้กำเนิดลูกเรียกว่า ไททัน(Titans) มีลูกด้วยกัน 12 คนเป็นชาย 6คน และเป็นหญิง 6 คน คือ โอเชียนัส(Oceanus), โคไออัส(Coeus), ไครอัส(Crius),     ไฮเพอเรียน(Hyperion), ไออาพีทัส(Iapetus), ไธอา(Theia), รีอา(Rhea), ธีมิส(Themis), นีโมซินี(Mnemosyn), ฟีบี(Phoebe), ธีทิส(Tethys), และโครนอส(Cronus) ยิ่งนานวันเหล่าลูกๆไททันเริ่มเติบโตขึ้น และใหญ่โตกันทุกคน ทำให้อูเรนัสเริ่มหวันเกรงกลัวจะมีประวัติศาสตร์ซ้ำรอย จึงได้จับเหล่าลูกๆไททันของตนนำลงไปขังไว้ในทาทารัส(Tartatrus) จากนั้นไกอาก็ได้ให้กำเนิดได้ลูกมาอีก ได้แก่ ไซครอบ(cyclopes)ซึ่งมีลูกตาอันเดียวอยู่ตรงกลางทั้งหมด3ตนนามว่า บรอนทีส(brontes), เทอโรฟี(Steropes), และอาร์จีส(Arges) แล้วยังได้ให้กำเนิด ยักษ์ที่มีห้าสิบหัวมีแขนหนึ่งร้อยแขน(Hecatocheies the Hunderd-Handers) สามตน ได้แก่ คอตทัส(Cottus), เบรียรูส(Briareus), และไกจีส(Gyges) แล้วทั้งหมดก็ถูกโยนลงไปในทาทารัสอีกเช่นกัน

          ไกอาโกรธแค้นที่อูเรนัสที่ได้ทำการขังลูกๆของเธอไว้ในใต้พิภพหรือทาทารัส(Tartarus) จึงยุยงให้ลูกๆทำการโค่นบัลลังของพ่อแต่ไม่มีลูกคนไหนกล้าก่อกบฏยกเว้นโครนอสที่กล้าเสนอตัว ภายใต้การนำของโครนอสได้ทำการโค่นล้มยูเรนัสเป็นการสำเร็จจึงได้สถาปนาตัวเองเป็นผู้นำ อูรานอสที่ใกล้จะดับสูญรู้สึกเจ็บแค้นเป็นอย่างมากที่โดนโค่นล้มจากลูกของตัวเอง จึงได้สาปโครนอสให้ถูกสังหารโดยลูกๆ ของโครนอสเอง เช่นเดียวกับที่ทำไว้กับอูรานอส หลังจากที่โครนอสได้เอาชนะยูรานอสได้ก็ได้ช่วยเหลือพี่ๆ และน้องๆ ของตน ขึ้นมาจากทาทารัส ทุกคนได้ซาบซึ่งกับสิ่งที่โครนอสทำจึงได้ยกให้โครนอสเป็นใหญ่ที่สุด และปกครองเทือกเขาโอลิมปัส หลังจากโค่นล้มบิดาของตนโครนอสก็ได้แต่งงานกับพี่สาวตัวเองนามว่ารีอา แต่เมื่อไหร่ที่รีอาตั้งครรภ์แล้วคลอดลูกเพราะกลัวคำสาปของอูเรสัสผู้เป็นพ่อ ลูกคนแล้วคนเล่าโครนอสก็ได้ทำการกลืนลงท้องเข้าไปหมด จนกระทั่งมาถึงซูส   รีอาแอบใส่ก้อนหินเข้าไปในห่อผ้าแทนซูสก่อนที่โครนอสจะมากลืนลูกเข้าไปแบบไม่ทันมอง ทำให้ซูสรอดมาจนถึงศึกโค่นล้มโครนอสและได้ปล่อยพี่ๆของตนได้แก่ เฮสเทีย(Hestia), ดีมีเทอร์(Demeter), เฮร่า(Hera), ฮาเดส(Hades), โพไซดอน(Poseidon) ออกมาจากท้องของโครนอส เมื่อชนะสงครามแล้วก็สถาปนาตัวเองเป็นเทพเจ้าผู้ปกครองสวรรค์ เทือกเขาโอลิมปัส และเหล่าทวยเทพ